โฆษก ทนายตั้ม เผยเหตุถอนตัว คดีลุงพล เพราะความเห็นไม่ตรงกัน

โฆษก ทนายตั้ม เผยเหตุถอนตัว คดีลุงพล เพราะความเห็นไม่ตรงกัน

โฆษกของทีม ทนายตั้ม ได้ออกมาชี้แจงถึงสาเหตุที่ถอนตัวจาก คดีลุงพล ยืนยันเรื่องค่าจ้างสิบล้านไม่เป็นความจริง ไม่ปิดโอกาสกลับมาร่วมงานกัน ทนายรัชพล ศิริสาคร ได้ออกมาแถลงข่าว หลังจากที่ นาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด ประกาศถอนตัวจากคดีน้องชมพู่ ซึ่งมี นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว

โดยทางโฆษกระบุว่า สำหรับเหตุผลที่ถอนตัวทางทนายตั้มมีความคิดเห็นทางคดีไม่ตรงกับลุงพล 

พูดคุยกันแล้วไม่สามารถที่จะปรับความเข้าใจได้ จึงได้ประกาศถอนตัว แต่ไม่ได้มีสาเหตุทะเลาะกันหรือเกลียดกัน ทางทนายตั้มและลุงพลยังสามารถพูดคุยกันได้ ส่วนทนายตั้มก็ยังมีคดีหมิ่นประมาท ที่ค้างทำให้กับลุงพลอีก 1 คดี และยังต้องดูแลอยู่โดยมีการว่าจ้างเป็นเงินจำนวน 5,000 บาท การถอนคดีเป็นคดีของน้องชมพู่คดีเดียว ทีมทนายมีการพูดคุยและปรึกษากันตลอดจนถึงเมื่อคืน จนตัดสินใจเด็ดขาดเมื่อเช้านี้เวลา 10.00 น. จึงประกาศออกมาเป็นทางการ

เรื่องนี้ทางทีมทนายก็ไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น ตนก็เสียใจเพราะคดีนี้ยังไม่สิ้นสุด แต่อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด สำหรับข่าวลือเรื่องค่าจ้าง 10 ล้านบาท มันไม่เป็นความจริง เพราะทนายตั้มได้ประกาศไปแล้วว่าคดีนี้ทำให้ฟรีจนถูกร้องเรียนเรื่องมารยาท สำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายของตนนั้นถ้าต้องเรียกค่าใช้จ่าย ตนต้องเรียกจากทนายตั้มเพราะทนายเป็นคนเรียกตนมา ในช่วงที่ทำคดีนี้ต้องมีการเดินทางไปที่เกิดเหตุซึ่งต้องมีเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งเรื่องการทานข้าวและเรื่องที่พัก ส่วนที่ลุงพลไลฟ์สดไปว่ามันมีอะไรที่รู้กันอยู่ ซึ่งเป็นการพูดที่ไม่ชัดเจน และเป็นการแสดงออกที่คลุมเครือไม่เคลียร์ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทนายตั้มถอนตัว อย่างไรก็ตามทางทีมทนายตั้มก็ไม่ได้ปิดโอกาสจะกลับมาร่วมงานอีกครั้ง หากปรับความเข้าใจหรือเคลียร์กันได้ในอนาคตก็อาจกลับมาทำให้ใหม่

เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม คนร้ายปล้นร้านทอง ที่ห้าง เซนทรัลขอนแก่น ได้แล้ว เบื้องต้นพบเป็นเยาวชนอายุ 17 ปี พบติดพนันออนไลน์ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมคนร้ายจึ้ชิงทอง ร้านทองในห้างเซ็นทรัล ขอนแก่น โดยคนร้ายเป็นเยาวชนชายอายุ 17 ปี เบื้องต้นอยู่ในระหว่างควบคุมตัวขึ้น ฮ. ไปจังหวัดขอนแก่น โดยเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องขอหมายจากศาลเยาวชน เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีอายุ 17 ปี

โดยเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ สืบเนื่องมาจาก ทีมลาดตระเวนออนไลน์ของตำรวจสืบสวนภูธรภาค2 และภูธรภาค4 ได้รับเบาะแสแจ้งจากพลเมืองดี เมื่อไปตรวจสอบ พบเยาวชนอายุ 17 ปี อาศัยอยู่ย่านลำลูกกา ปทุมธานี หลังก่อเหตุที่ขอนแก่น ก็กลับมาทำงานตามปกติที่ ปทุมธานี

เบื้องต้น พบของกลางเป็นทองรูปพรรณที่ชิงมา ส่วนสาเหตุมาจากติดการพนันออนไลน์ ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันเสาร์ที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุมือปืนบุกเดี่ยวปล้นร้านทอง บริเวณชั้น 2 ในห้างสรรพสินค้าเซนทรัลพลาซ่าขอนแก่น พร้องชิงทอง 33 บาท โดยคนร้ายได้ยิงปืนขู่ก่อนก่อเหตุ และ ยิงปืนอีกสองนัดเพื่อเปิดทางขณะหลบหนี เคราะห์ดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุอุกอาจในครั้งนี้

พ่อเลี้ยง ย่ำยีลูกสาว วัย 16 แม่รู้ตอนเปิดมือถือสามี ร้องมูลนิธิปวีณาลากตัวเดนนรก

สลด พ่อเลี้ยงย่ำยีลูกสาว วัย 16 ข่มขู่ไม่ให้บอกใคร แม่มาเห็นคลิปจากมือถือสามีแทบจุกอก เดนนรก ทำลูกนานกว่า 5 ปี ล่าสุด มูลนิธิปวีณา ระบุ รวบตัวได้แล้ว ครอบครัว ควรจะเป็นที่ๆ ปลอดภัยสำหรับเด็ก แต่กับเหตุการณ์นี้ กลายเป็นว่าหัวอกคนเป็นแม่ต้องมารับรู้เรื่องสุดทรมานจิตใจ เมื่อลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง โดนพ่อเลี้ยงซึ่งเป็นสามีใหม่ ล่วงละเมิดทางเพศ นานกว่า 5 ปี

อ้างอิงข้อมูลจาก มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ระบุ พ่อเลี้ยงชื่อ นายเอก (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ได้ก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศ เด็กสาว วัย 16 ปี ซึ่งเป็นลูกเลี้ยง ก่อนผู้เป็นแม่ชาวพิษณุโลก จะมาทราบเรื่อง เพราะได้เห็นคลิปในมือถือของสามีที่ย่ำยีลูกสาวของตน และไม่ได้มีแค่คลิปเดียว โดยพฤติกรรมสุดทรามของ พ่อเลี้ยง คือ หลังจากล่วงละเมิดทางเพศเสร็จ จะถ่ายคลิปเก็บไว้ทุกครั้ง พร้อมข่มขู่ไม่ให้เอาเรื่องไปบอกใคร

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ผู้เป็นแม่ ได้พาลูกสาวไปแจ้งความที่ สภ.พรหมพิราม และตำรวจได้ส่งตัวเด็กหญิงไปตรวจร่างกาย และนัดสอบกับสหวิชาชีพ โดยล่าสุด นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.อาณุ ปิ่นทอง ผกก.สภ.พรหมพิราม เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.พรหมพิราม ได้ทำการจับกุมนายเอก พ่อเลี้ยงมาดำเนินคดีแล้ว ในข้อหา กระทำอนาจารเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี และต่ำกว่า 15 ปี

จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน และพนักงานสอบสวนได้คุมตัวส่งฝากขังศาลแล้ววันนี้พร้อมคัดค้านการประกันตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจาก สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย (สวท.) ระบุว่า การยุติการตั้งครรภ์โดยการทำแท้งเถื่อน เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม ได้รับบาดเจ็บ และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่ปลอดภัย จากรายงานสถานการณ์

และสถิติการยุติการตั้งครรภ์ในประเทศไทย พบว่ามีการยุติการตั้งครรภ์ประมาณปีละ 300,000 คน และผู้หญิงประมาณ 300 คน ต่อ 100,000 คน ได้รับอันตรายจากการยุติการตั้งครรภ์ ในปี พ.ศ. 2552 ประมาณการณ์ว่า มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนจากการยุติการตั้งครรภ์ จำนวน 123.3 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมความสูญเสียทางจิตใจ

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป